วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2550

แง่งามของความริษยา

เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเล่าให้ฟังถึงเรื่องของการถูกจ้องทำลายจากบุคคลในที่ทำงานเดียวกัน เพราะเพื่อนทำงานได้เด่นกว่า ทำให้ไม่สบอารมณ์ของผู้ร่วมงานด้วยกันและเขาผู้นั้นเล่นหมากรุกเก่งมาก เพื่อนกังวลใจแต่มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันอันตรายจากเขาได้
เราสนทนากันถึงคนที่เล่นหมากรุกเก่งเพื่อนเห็นว่าเขาเป็นนักวางแผนทำสิ่งใดแยบยลและหาช่องมาโจมตีได้เสมอ ผมมีความเห็นว่า คนเล่นหมากรุกเก่งเป็นเพียงคนที่รู้คุณสมบัติของตัวหมากรุกทุกตัว มองเห็นพลังของการครอบคลุมตารางทางเดิน คาดการณ์เก่งและกล้าท้าทายบนเส้นทางเดินและการเล่น รอบครอบในการจัดฐานจัดกำลังสำหรับรุกหรือรับ รู้จักคู่ต่อสู้ว่างมีเส้นทางเดินอย่างไร ควบคุมพื้นที่ใดในตาราง เห็นแนวทางการเดินการโต้ตอบทำให้เขาคาดเดาได้ในแนวการเล่น รุกหรือรับ รอหรือเร่ง รู้เท่าหรือล้าหลัง ตั้งมั่นหรือลังเล เพื่อเขาจะได้จัดแนวทางของเขาให้เหมาะสม
คนเล่นหมากรุกเก่ง ในชีวิตจริงอาจไม่เก่งต่อเกมชีวิตก็ได้ ชีวิตจริงไม่ได้จำกัดอยู่ใน ตารางทางเดิน 64 ช่อง สรรพกำลังของคนและสภาพแวดล้อมมีไม่เท่ากัน ไม่ได้มีฝ่ายละ 16 ตัวที่มีแบบแผนพลังและการเดินอย่าชัดเจน กฎกติกาของการเล่นไม่ซับซ้อนเท่ากฏกติกาของชีวิต
กฏไม่ซับซ้อนเข้าใจได้ไม่ยาก เล่นได้ไม่ยาก กล้าเล่นกล้าเผชิญความพ่ายแพ้ ความแข็งแกร่งมากับประสบการณ์
กฏในชีวิตจริงซับซ้อนเข้าใจยาก เล่นได้ยาก เมื่อเล่นเผชิญกับความพ่ายแพ้บ่อยครั้งและรุนแรง ย่อมทำลายชีวิตไม่อาจสร้างประสบการณ์ได้ ถ้าไม่เล่นกับชีวิต ชีวิตย่อมไม่มีความก้าวหน้า
ชีวิตมีชะตากรรมของชีวิต ชีวิตจริงคือใจของคน เข้าใจการเกิดขึ้นของความรู้สึก อารมณ์ จัดวางการตอบสนองย่อมมีปัญญาเผชิญกับชะตากรรมของชีวิตอย่างมีความสุขใจ
เพื่อนบอกว่าคนอย่างเราไม่มีวันยอมก้มหัวให้แก่สิ่งท้าทายใดๆ ผมบอกว่าเมื่อเวลาผ่านไปความเข้าใจจะทำให้เราไม่ระบุว่ายอมหรือไม่ยอม สิ่งต่างๆย่อมเป็นไปอย่างที่มันจะเป็น บนเส้นทางที่เราได้ตอบสนองการกระทำทุกอย่างที่มีมาอย่างมี สติ เมตตา ปัญญา


เมื่อเรายังเด็กความต้องการทางกายก่อสัญชาติญาณให้เราดิ้นรนไขว่คว้า ร่ำร้องเรียกหา เมื่อเรารู้ความมากขึ้น ความต้องการของเราเพิ่มมากขึ้น เราสร้างอารมณ์กลัว ชอบ โกรธและหลง สะสมมากเข้าตามเวลา เมื่อสภาพแวดล้อมมากระทบเราจึงมีความรู้สึกและเกิดอารมณ์กลัว ชอบ โกรธและหลง แล้วเราตอบสนองด้วยกรอบแห่งความดีงามบนความอดทน อดจากสิ่งที่ชอบ ทนต่อสิ่งที่ไม่ชอบ
เราจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมเหล่านั้นบ่อยครั้งหมุนวนเป็นกรรมะ ด้วยความเพ่งเพียร พินิจ พิจารณา เราจึงเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเองของเหตุการณ์ เมื่อเวลาผ่านไปเหตุการณ์ที่หมุนวนครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งให้เราเข้าใจและรู้ทันต่อสิ่งที่เกิดขึ้น การคาดหมายผลแห่งสภาพแวดล้อมย่อม แม่นยำ ถูกต้อง เมื่อเราถูกกระทบอีกเราจะไม่ต้องอดทนเพราะเราพ้นภาวะการอดทนแล้วด้วยความเข้าใจ
ความเข้าใจครั้งแล้วครั้งเล่าย่อมทำให้เกิดปัญญา ปัญญาแห่งการคาดการณ์ ปัญญาแห่งการรู้รอบ ปัญญาแห่งการจัดวางการตอบสนองด้วยจิตที่เป็นกุศล ทำให้เราไม่ต้องเผชิญกับกรรมะที่วนเวียนอีกต่อไป เราตัดบ่วงแห่งกรรมะด้วยปัญญา แม้จะไม่เงยหน้าท้าทาย แต่จิตที่นอบน้อมย่อมนำเราผ่านอุปสรรคทั้งปวงได้
การมุ่งป้องกันจิตริษยา ไม่ว่าด้วยความกลัว ชอบ โกรธและหลง ย่อมมีปฏิกริยาจากใจสั่นไหวโลกธาตุ มุ่งป้องกัน ทำร้ายก่อน ความเบียดเบียนย่อมอยู่บนเส้นทางชีวิต กรรมะย่อมหมุนวนให้เกิดผลร้ายต่อโลกธรรม
การจัดการกับคนริษยาโดยไม่จัดการที่ตัวเขา แต่จัดการกับความริษยาแห่งจิตเขา จะเห็นแง่งามของความริษยาที่สร้างปัญญาให้กับเราได้รู้เท่าทันความริษยานั้น ที่ทำให้เรางอกงามตามกำลังแห่งปัญญาเรา
ด้วยดวงจิตนอบน้อม
ทิพย์ พัชน์ศรี