วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551

มุ่งมิตรมากมาย : 2

การได้รู้จักกันเป็นเรื่องไม่ยาก เมื่อรู้จัก คบหากันสนิทสนมเป็นมิตร ยากขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง แต่การรักษาความเป็นมิตรไว้นับเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก และเมื่อเวลาแห่งการจากกันด้วยดีนับเป็นเรื่องยากที่สุด

การได้พบ ได้รู้จัก นับว่าเป็นวาสนาที่ได้มาพบพาน เมื่อได้คบหา ได้ทำงานร่วมกันนับเป็นความผูกพัน การเชื่อมคนสองคนเข้าด้วยกันอาศัยปัจจัยหลักคือการติดต่อระหว่างกันและกัน ด้วย กาย วาจา ใจ

การแยกจากกันก็อาศัยปัจจัยหลักคือการติดต่อระหว่างกันและกัน ด้วย กาย วาจา ใจ เช่นกัน

เราอาจแยกจากกันด้วยระยะห่างของสถานที่ กาลเวลา และความเข้าใจ หรือหลายๆ อย่างรวมกัน การแยกด้วยกาย จะทำให้เกิดการแยกทางวาจา และการแยกทางใจตามมา

เราเชื่อมมิตรสหายได้ด้วย ใจที่คิดถึง สร้างโอกาสที่ให้วาจาที่ดีต่อกัน และนำพากายเรามาพบกัน แล้วมิตรภาพก็คงอยู่ ดำเนินไป บนวัฏฏจักร แห่งธรรมดาโลกย์

กาย วาจา ใจ นับเป็นสิ่งสำคัญที่ธำรงรักษาความเป็นมิตรของกันและกันไว้

ความอดทนเป็นพื้นฐานที่เชื่อมเรากับมิตร และเมื่อเป็นมิตรไม่มีอะไรต้องอดทน

การให้อภัยเป็นเรื่องที่มิตรมีให้แก่กันเป็นปกติ

มีคำกล่าวแต่นานมาแล้วว่า "อยู่คนเดียวพึงระวังจิต อยู่กับมิตรพึงระวังปาก" ดังนั้น การพูดคุยกันต้องมีความระมัดระวัง ถนอมน้ำใจ บนพื้นฐานของการเกื้อกูลกัน ให้แก่กันและกันตามกำลังที่ต่างมี ด้วยใจที่ปรารถนาดีต่อกัน

พุทธสุภาษิตบทหนึ่งความว่า " ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลงแล้วด้วยใจ จากใจที่ตั้งไว้ดีแล้ว การกระทำและคำพูดย่อมทำให้เกิดผลที่ดี เพราะการกระทำและคำพูที่ดีย่อมนำความสุขมาให้แก่เขา และติดตามเขาไปดั่งเงาติดตามตน " ดังนั้น มิตรภาพย่อมรักษาได้ด้วยใจที่ปรารถนาดีต่อกันซึ่งจะนำความสุขมาให้ในที่สุด

พรปีใหม่ของสมเด็จพระสังฆราช ปีหนึ่งความว่า " คิดดีพูดดีทำดี เป็นศรีเป็นพรสูงสุด ไม่มีพรเทพพรมนุษย์ ประเสริฐสุดกว่าความดีที่ทำเอง " ดังนั้น กาย วาจา ใจ ที่มีความอดทนเป็นพื้นฐาน ความเกื้อกูลอยู่ท่ามกลาง และมีความดีเป็นที่สุด ย่อมนำการกระทำที่ดีเป็นพรให้แก่เราและมิตรสหายทั้งหลายด้วย

มิตรทั้งหลายเชื่อมกันด้วยความเสมอกัน ความเท่าเทียมกันทั้ง กาย วาจา ใจ
มิตรทั้งหลายเชื่อมกันด้วยความอ่อนน้อม เคารพซึ่งกันและกัน

เราไม่อาจทำให้คนทั้งโลกรักกันได้ หรือเป็นมิตรกันได้ แต่หากต้องทำงานด้วยกัน เราควรเป็นมิตรกันและกัน ด้วยความเสมอกัน ด้วยความอ่อนน้อมต่อกัน เคารพซึ่งกันและกัน

ปรมาจารย์ทางจิตวิทยาท่านหนึ่งนำเสนอไว้ว่า " การงานเป็นสะพานเชื่อมความรัก "

การทำงานอยู่กับมิตรเป็นสุขอย่างยิ่ง ปราศจากความหวาดระแวง ไม่ต้องกลัวการกลั่นแกล้ง ไม่ต้องวิตกกังวลกับการแข่งขัน เราจะก้าวไปด้วยกันอย่างมีความสุข ก้าวไปบนการงานพร้อมๆ กับความรักสามัคคี มีความปรารถนาดี จริงใจเป็นพื้นฐาน มีความช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่ระหว่างกลาง และมีความชื่นชมยินดีเป็นที่สุด

ปัจจุบันการทำงานใดๆในโลกนี้เป็นไปอย่างไม่ยั่งยืน มีผู้ทำการศึกษาแล้วสรุปว่า
“ การทำงานในโลกนี้เป็นไปเพื่อ การพิชิต สร้างอาณาจักร แล้วเสพสุข หากต้องการความยั่งยืน ต้องเปลี่ยนการทำงานเป็น การเชื่อมโยงเข้าหากัน ด้วยการสื่อสารที่มีพื้นฐานบนมโนธรรม ”
หากการทำงานนี้เป็นไปเพื่อมุ่งมิตรเราต้องเชื่อมโยงเข้าหากัน ด้วยการสื่อสารที่มีพื้นฐานบนมโนธรรม

มิตรมีได้มากมายครับ ธำรงรักษาได้ไม่ยาก ด้วยใจที่มุ่งมั่น
ขอให้มีความสุขกับชีวิตการทำงานครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น