วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ความฝันและความจริง ความรักและความเกลียด

ความฝัน บางครั้งนำมาซึ่งภัย เมื่อฝันเป็นเสียงดัง
ความจริง บางครั้งนำมาซึ่งภัย เมื่อจริงเป็นในใจเราแต่เป็นความเท็จในใจเขา

ความรู้สึกขัดแย้งมีมาแต่นานมากแล้ว มีผู้สังเกตเห็นสิ่งที่เป็นของคู่กัน เป็นธรรมคู่ ที่ต้องเข้าใจว่าเป็นสองด้านของสิ่งเดียวกัน ไม่มีทางแยกกันอยู่

ความรักและความเกลียด ก็เช่นเดียวกัน เป็นของคู่กัน อยู่ที่เราจะเรียนรู้ที่จะใช้ปัญญาจัดการมันได้อย่างไร วันนี้รัก พรุ่งนี้เกลียด ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรู้สึกนั้นอย่างไม่ขัดแย้ง ไม่ปกป้อง ใช้สติป้ญญาที่มีสร้างกำลังใจ เรียนรู้ความเป็นธรรมดาของความรักและความเกลียด ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน แต่อยู่บนความเห็นที่แตกต่างกัน

ความขัดแย้งสับสน เกิดขึ้นจากเรา การที่เราให้ความหมาย การที่เราได้รับการบ่มเพาะ ปลูกฝัง
บางครั้งเราพยายามรักด้วยเหตุผล แต่ไม่มีกำลังเหนือความเกลียดด้วยอารมณ์

บางครั้งเรารักด้วยอารมณ์ แต่มีกำลังน้อยกว่าความเกลียดด้วยเหตุผล
บางครั้งเราพยายามรักด้วยเหตุผล แต่ม่ีกำลังน้อยกว่าความเกลียดด้วยเหตุผล
บางครั้งเรารักด้วยอารมณ์ แต่มีกำลังน้อยกว่าความเกลียดด้วยอารมณ์
เมื่อไม่มีด้านใดมีกำลังมากกว่าอย่างเด็ดขาด ความขัดแย้งสับสนก็เกิดขึ้น

เราจะออกจากความขัดแย้งและสับสนได้ต้องมี สติ ปัญญา ที่หล่อเลี้ยงใจเรา
ต้องออกจากจุดเดิมให้ได้ เปิดกรอบที่ทาบทาเหตุผล เปิดกรอบที่เกื้อหนุนหล่อเลี้ยงอารมณ์
เราจะเปิดกรอบได้ต้องกลับสู่ข้างในตน แล้วออกมาจากข้างใน จึงจะเป็นการออกจากกรอบเดิมได้ บางครั้งเราคิดว่าเราได้ออกมาแล้วจากกรอบเดิม แต่ความจริงเป็นว่า เราไม่ได้ออกจากกรอบนั้นเราเพียงหาสิ่งห่อหุ้มใหม่เพื่อให้ดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ภายในของเรายังเหมือนเดิม

เราต้องกล้าเข้าไปภายใน เพื่อระเบิดกรอบออกให้ได้ ทะลุกรอบได้เพียงนิด การระเบิดจะตามมา หากเราไม่ได้มาจากความเข้าใจ ความยั่งยืนจะไม่มี เราจะต้องอดทน หากเราเข้าใจแล้ว เราจะไม่ต้องอดทน พลังที่เสียไปกับความอดทนสามารถใช้อย่างอื่นได้อีกมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น