วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

วันครู ปี ๒๕๕๓

ด้วยดวงจิตนอบน้อมต่อสรรพสิ่งทั้งมวล
ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ ด้วยสติ สมาธิเท่าที่มีตามปัญญาที่เป็นไป
ข้าพเจ้าขอคารวะต่อบูรพาจารย์ทั้งมวล เพื่อความเป็นสิริมงคลของโลก และความเกี้อกูลที่หล่อเลี้ยงชีวิตทั้งหมดเสมอมา ด้วยเดชะแห่งความนอบน้อมที่กระทำแล้ว ขอจงเป็นพละ เป็นปัจจัย เกี้อกูลให้โลกนี้เป็นไปอย่างที่มีธรรมเกื้อหนุน สงบ สันติในใจผู้แสวงหา

ผมคิดถึงครูในวันครู ครูคนแรกของผมคือแม่ แม่สอนผมให้มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น และแม่ก็อยู่เพื่อคนอื่นมาตลอดชีวิต แม่สอนผมจากการกระทำ แม่กระทำให้ผมดูมาตลอดชีวิต ถึงผมจะไม่ใช่คนดีของสังคมตามอุดมคติ แต่ผมก็มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นมาตลอดชีวิต เดินตามรอยแม่อย่างไม่ลังเล ผมรักและเคารพรวมทั้งทำทุกอย่างได้เพื่อแม่ครับ แม้แม่จะละสังขารไปนานแล้วผมยังเหมือนเดิมครับมีแม่ในกายและใจผมเสมอ

เมื่อสมัยผมยังเด็ก ไม่เป็นคนเรียบร้อยตามที่สังคมคาดหวังและแม่คาดหวัง
ผ่านวัยมาผมยังคงเป็นเหมือนคนเดิม เป็นลูกเด็กเล็กๆ ในสายตาของแม่ เป็นลูกศิษย์ที่เฮี้ยว ไม่มีอนาคตของคุณครู แต่คุณครูทุกคนไม่เคยละความพยายามที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ครูมีให้แก่ผม และหวังว่าผมจะเรียนรู้ตามที่ครูทำ ผมซาบซึ้ง และไม่ลืมบุญคุณของคุณครูทั้งหลายเสมอมา

ผมใช้นามในการสื่อ (นามปากกา) ว่า ทิพย์ พัชน์ศรี ก็มีที่มาจากครูของผมครูที่ทำให้ลูกศิษย์เป็นผู้เป็นคนได้ ทำมาหากินได้จนผมจะเกษียณแล้ว(อีกกี่วันดูได้จากด้านข้างครับ)

ทิพย์ มาจากคุณครูพรทิพย์ หวังชนะ คุณครูประจำชั้น มศ.4-5 โรงเรียนโยธินบูรณะ ของผมท่านสอนคณิตสาตร์ หรืออะไรผมก็จำไม่ได้แม่นยำนัก แต่รู้ว่าในตอนที่ผมมีความคิด “กบฏ” ต่ออำนาจของผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ อ.บัญชา ... ผมไม่ยอมเข้าห้องเรียน คุณครูพรทิพย์ ของผมเป็นผู้ทำให้ผมเป็นคนท่านเข้าใจความรู้สึกของเด็กดื้อ และเห็นว่าผมเป็นคน ท่านทำให้ผมเป็นคน วิชาที่ท่านสอนเป็นพื้นฐานของการคิด ท่านสอนให้คิดให้ดี เป็นพื้นฐานให้ผมเป็นคน

พัชน์ มาจากคุณครูพัชนี วงศาโรจน์ คุณครูสอนภาษาอังกฤษของผม ในโรงเรียนโยธินบูรณะเช่นกัน ตั้งแต่ มศ.ต้น ยัน มศ.ปลาย ท่านเป็นครูที่ทำให้ผมไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนอีกเลยเพราะสิ่งที่ท่านสอนคือการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากทุกสิ่งที่อยูรอบตัวของเรา หลังจากเรียนกับท่านแล้วผมไม่เคยสอบภาษาอังกฤษไม่ผ่านเลย นอกจากนั้นผมยังสามารถสนทนากับชาวต่างชาติได้พอสมควร แม้การถกแถลงในเรื่องจริยธรรมซึ่งเป็นอะไรที่เข้าใจยาก แต่ผมก็ทำได้ เป็นพื้นฐานให้ผมได้สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมได้ แม้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของภาษาเดียวกัน ท่านสอนให้สื่อสารด้วยใจ

ศรี มาจากคุณครูแจ่มศรี ขันทีวิทย์ คุณครูสอนภาษาไทยของผมในโรงเรียนโยธินบูรณะอีกนั่นแหละ คุณครูสอนให้ผมรักภาษาไทยที่เป็นพื้นฐานของชีวิตที่สัมพันธ์กับอดีต ปัจจุบัน อนาคต และ รากฐานของความเป็นไทยของพวกเราทุกคน คุณครูให้โอกาสผมมากมายผมเป็นคนแต่ฉันท์สดุดีในหนังสือรุ่นของโรงเรียนสองปี ผมแต่ฉันท์จำไม่ได้ว่าเป็นฉันท์แบบใด แต่จำได้ว่าทั้งสองปี ฉันท์ที่ลงนามว่าผมเป็นผู้ประพันธ์นั้น คุณครูเป็นผู้แก้ไข้และแต่งให้ใหม่เกือบทั้งหมด หรือทั้งหมดก็ว่าได้แต่คุณครูคงความหมายที่ผมตั้งใจได้ทั้งหมด ครูสอนให้ผมรู้จักความพยายามและความตั้งใจ

ทิพย์ พัชน์ศรี เป็นนามปากกาที่ใช้มาตลอดสามสิบปีของชีวิต ด้วยความตั้งมั่นว่าภาษาเป็นพื้นฐานของการคิดและการคิดต้องใช้หลักของการคำนวณ ทั้งหมดต้องมีความอดทนพยายามรวมทั้งความตั้งใจเป็นพื้นฐาน ผมเคารพคุณครูทั้งสามครับ

แต่ชีวิตผมไม่ได้มีเพียงคุณครูที่เอ่ยนามมา มีคุณครูอีกมากรอบกายและใจของผม

คุณครูอนุกูล... สอนวิชาเคมี และสอนให้ผมรู้ว่าเมื่อถึงเวลาวิกฤติต้องมีผู้นำ ต้องมีความซื่อสัตย์ กล้าหาญ
คุณครูวนิดา... สอนวิชาเรขาคณิต และสอนให้ผมรู้ว่าการค้นคว้า ความพยายาม และแสดงออก เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นสิ่งแรกในสิ่งที่เรามุ่งมั่น

คุณครูประสงค์... เพื่อนที่สอนว่าอย่ามาเก่งกว่า เพราะคนสุภาพเมื่อโกรธย่อมลงไม้ลงมือได้รุนแรง(ครูคนนี้เป็นนายแพทย์ที่มีตำแหน่งสูงด้วย)

คุณครูอีกเยอะแยะที่ไม่ได้เอ่ยนาม

ผมมีครูเยอะแม้เดียวนี้ยังคงมีครูอยู่รอบข้าง ผมเป็นนักเรียนเสมอจึงมีครูอยู่รอบข้าง

ผมเป็นนักเรียนของชีวิต
แม้ชีวิตที่เหลืออยู่ก็ยังจะแสวงหาครูอยูตลอดไป

ด้วยจิตคารวะต่อครูทั้งมวลของโลก

ทิพย์ พัชน์ศรี

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

ชีวิตที่เหนื่อยอย่างต้องการเหนื่อย

ชีวิตท่ี่มีนับถึงวันนี้ ได้ 21065 วัน ทำงานกับองค์กรหนึ่งได้ยาวนานถึง 12821 วันในวันนี้ คิดเป็น 60.86 % ของชีวิตทั้งหมด
ตลอดเวลามาถามตนเองว่าเหนื่อยไหม ตอบกับตัวเองว่า ยังไม่เหนื่อย ยังไม่เมื่อยล้า สู้ต่อไป ในชีวิต ในการงานนี้ ณ วันนี้ ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก 995 วัน
ผ่านชีวิตวัยรุ่นที่ไร้จุดหมาย ผ่านกลางคนที่นึกว่ามีจุดหมาย แต่สุดท้ายยังไม่รู้ว่าจะไปหนได ทำงานมา มีชีวิตมา มีภาระ ผ่านวันไป มีความหมายไปวันต่อวัน
เข้าสู่บั้นปลายของชีวิตแล้ว ต้องสะสมกำลังเพื่อที่จะอยู่ต่อไป ในโลกที่ต้องอยู่น่ี้ มีครอบครัวที่น่ารัก น่าชื่นใจ มีวันเวลาที่ลดทอนความทุกข์ยากทางกายลง เพิ่มพูนความสามารถทางปัญญาบ้าง และไม่รู้จักเสียน้ำตาอีกแล้ว
ยังจะเหนื่อยไหม เตรียมตัวไว้ดีเพียงใดกับบั้นปลายชีวิต ต้องเป็นภาระให้แก่ครอบครัวไหม

ยังคงจะเหนื่อยอยู่ ตามที่ต้องการจะเหนื่อย อยากพักจะพัก เพราะประสบการณ์สอนให้รู้ว่าเมื่อผ่านการเหนื่อยหนึ่งครั้งจะเท่ากับการสร้างกำลังเพื่อสู้ได้อีกสองครั้งในความต้องการกำลังที่เท่ากัน
เตรียมตัวสำหรับบั้นปลายชีวิตไว้ในเรื่องกำลังใจ กำลังกาย ส่วนกำลังทรัพย์นั้นยังมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน บนความประมาทใช้เกินกำลังบ้าง ต้องฝึกอีกในช่วง 995 วันนี้
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่คิดว่าเป็นภาระให้ใครมานานมากแล้ว ทั้งทางด้านการงาน พ่อแม่ พี่น้อง และลูกเมีย (พ่อในที่นี้คือพ่อโดยการเลียงดู เพราะไม่ได้อยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิดตั้งแต่เกิดแล้ว )
แล้วจุดหมายในชีวิตคืออะไร

จุดหมายไกลๆ คือ นิพพาน ความสงบ มิใช่การฝากตำนานไว้ ไม่สนใจว่าใครจะกล่าวถึงอย่างไร ทั้งดีและไม่ดี
จุดหมายกลางๆ คือ ได้เกี้อกูลแก่ผู้คนด้วยกำลังและสติปัญญาที่มี ยะถา พะลัง ยะถา ปัจจะยัง
จุดหมายใกล้ๆ คือ ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด
ต้องพยายาม ทำ ด้วยสติ สมาธิ บนฐานความเกื้อกูล เมตตา ปรับรับตามสภาพที่เปลี่ยนแปลง ไม่หวั่นไหว มั่นคง ตรงต่อธรรม
ดังนั้นในชีวิตที่เหลืออยู่ คงจะเหนื่อยอย่างที่ต้องการเหนื่อย
แต่เปี่ยมด้วยความสุขที่ได้เกื้อกูล เมตตา และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

ปีใหม่ ๒๕๕๓

ปีใหม่ปีนี้ ไม่ได้ไปไหนไกลบ้าน ตื่น ๗ โมง รดน้ำต้นไม้แล้วกินข้าวหน้าเป็ดเป็นอาหารมื้อแรกของปี สายมาไปทานก๋วยเตี๋ยวโกเหลียง แล้วไปเที่ยวงาน โอทอบ ที่บ้านหลุก


ไม่ได้ไปแม่ทะนานแล้ว เส้นทางที่ใช้เดินทางไปเป็นทางลาดยางสภาพดี ออกจากตัวเมืองไปทางอำเภอแม่ทะ พอแยกจะเข้าบ้านหลุกเป็นทางคอนกรีตค่อนข้างแคบ แต่รถสามารถสวนกันได้
บ้านหลุกมีงานแกะสลักไม้ขึ้นชื่อ

นอกจากแกะสลักไม้แล้วยังได้เห็นภาพเขียนสวยๆ ด้วย





ออกจากบ้านหลุกมาประมาณ ๓ โมงเย็น ออกทางบายพาสเลยไปดูงานที่ ศูนย์แสดงผลงานเซรามิก อำเภอเกาะคา มีงานแสดงศิลปของ สล่าล้านนา



ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ดูรอบ ชวนกันกลับบ้าน
ขากลับแวะซื้อของกินที่บิ๊กซีลำปาง กลับถึงบ้านประมาณ ๖ โมงเย็น
วันแรกของปี เป็นวันที่ชีวิตการทำงานเหลืออยู่อีก ๑๐๐๒ วัน
มีความสุขบ้างทุกข์บ้าง แต่ชอบอยู่กับชีวิตนี้