วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เวลากับความหมายในชีวิต

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553 นั่งรถไฟกลับไปทำงานที่กรุงเทพ ขบวน 14 ออกจากลำปาง 19:10 น. ล่าช้าไปแล้ว 10 นาที นอนและมารู้สึกตัวตื่นเมื่อประมาณ 04:30 น. รถไฟพึ่งถึงนครสวรรค์ เลียเวลาไปแล้วประมาณชั่วโมงครึง วันจันทร์ คงเป็นอีกวันที่มาทำงานสายโดยคาดเดาได้
เวลาสำหรับคนที่จากบ้าน(ลำปาง)มาทำงานที่กรุงเทพ นั่งรถไฟกลับทุกสัปดาห์ หากรถไฟกำหนดถึงประมาณ 7 โมงเช้า แต่มีเหตุให้ล่าช้าไป 3 ชั่วโมงนั่นหมายถึงเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัวหายไปอีก หนึ่งในแปดของวัน และเท่ากับหนึ่งในห้าของเวลาที่ตื่นอยู่ น่าสงสารคนที่ใช้รถไฟ พนักงานบนรถไฟ และประเทศไทย เราต้องเสียเวลาไปโดยไม่ได้จัดการ
หากเรายอมรับชตากรรมกับรถไฟ ก็ไม่ต้องดิ้นรน เพราะคนรถไฟไม่เคยเดือดร้อน คนที่ใช้รถไฟก็ไม่เดือดร้อน ผู้บริหารประเทศก็ไม่เดือดร้อน เพราะวัฒนธรรมด้านเวลาของเรามีน้อย เราเป็นประเทศที่ไม่รีบเร่งเป็นประเทศที่สบายๆ
(ขณะที่บันทึกอยู่นี้ รถไฟจอดนิ่งเป็นเวลา สามสิบนาทีแล้ว และเวลาคงล่วงเลย เสียเพิ่มขึ้นเป็น สองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย)

เราอาจจัดสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคนได้ถ้าเราต้องการ มนุษย์จัดการได้ทุกสิ่ง หากปรารถนา

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รถไฟไทย และเวลา

ช่วงฤดูฝนนี้ เพื่อความปลอดภัยได้ใช้รถไฟเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางกลับบ้าน จากกรุงเทพ ไปลำปาง เกือบทุกอาทิตย์
รถไฟ เป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ ไม่อาจตั้งความหวังเรื่องเวลา วันนี้ 1 ตุลาคม 2553 โดยสารรถไฟ ขบวนที่ 13 ออกจากสถานีบางซื่อ กำหนด 19:57 แต่กว่าจะได้ขึ้นรถเป็นเวลา 21:00 น. และเวลาที่รถออกจากสถานีเป็นเวลา 21:22 น.
มารอตั้งแต่ 18:30 น. เป็นอะไรที่น่าตั้่งคำถามมาก
ถามว่าสังคมเรายอมรับและไม่ตั้งความหวังอะไรกับเรื่องเวลากับรถไฟแล้วละหรือ ทุกอย่างมีเวลาของมันยกเว้นรถไฟหรือ เราไม่สามารถปรับปรุงเวลาในการเดินรถให้ดีกว่านี้แล้วหรือ หรือว่าเวลาที่เรากำหนดให้มีการเดินรถไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือธรรมชาติของการเดินรถ มีคำถามตั้งมากมายที่ควรค้นหาคำตอบ คำตอบที่จะบริหารความคาดหวังของสังคมที่มีต่อรถไฟไทยได้
วันนี้ระหว่างรอรถไฟ (รออย่างไม่มีความหวังใด ประชาสัมพันธ์ ประกาศเวลารภจะมาถึงสถานีเมื่อได้รับข่าวเป็นเที่ยวต่อเที่ยว เวลา 20:00 น. ผมถามถึงกำหนดเวลามาของรถด่วน ขบวนที่ 13 ได้รับคำตอบว่าจะบอกเมื่อทราบเวลาออกจากสถานีกรุงเทพ หัวลำโพง 555) สนทนากับเด็กขายของที่สถานีรถไฟ เขาบอกว่ารถไฟมาช้าผิตปรกติอย่างนี้มาสองสามวันแล้ว เขามีความเห็นว่าปัจจุบันนี้บ้านเราล้าหลังกว่าเพื่อนบ้าน แม้แต่เขมร ยังไม่กลัวเราเลย ผมถามว่าเป็นเรืองรถไฟหรือ เขาตอบว่าทุกเรื่องเลย
ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไปไกลมากแล้ว หากตั้งใจค้นหาธรรมชาติของรถไฟไทยคงค้นพบได้ไม่ยาก เป็นการค้นหาเพื่อการบริหารจัดการกับเวลาของรถไฟ ส่งผลไปถึงการบริหารความคาดหวังของผู้ใช้บริการคำถามของผมจึงมาถึงที่ว่าทำไมถึงไม่ทำกัน ไม่ค้นหาธรรมชาติของมันจัดการมันให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเทตโนโลยี แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ ผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม การไม่รับรู้คือการปกปิดอำพรางชนิดหนึ่ง การปกปิดเช่นนี้ส่วนมากเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนน้อยมากกว่าส่วนใหญ่
สังคมไทยควรค้นหาสิ่งเหล่านี้เพื่อบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ แต่สังคมไทยก็เหมือนกับรถไฟไทย เป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ และไม่อาจตั้งความหวังเรื่องเวลา
ดังนั้น หากเราทำการสืบค้นให้ดี คงพบว่ารถไฟไทย และเวลาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันเลย