วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิเวก ไม่ฝัน

... ก็มิได้ ฝันใฝ่ ดั่งใครฝัน
เพียงอิ่มวัน ผ่านวัน ดังฝันใฝ่
เพียงกระทำ ตนตื่น ก็ชื่นใจ
ก็ทำไม จะต้องอยาก มากกว่านี้
... ที่นี่เงียบ ที่นี่งาม ที่นี่ง่าย
อยู่กับจิต อยู่กับกาย อยู่ที่นี่
ยังไม่มี ที่ไหน ยังไม่มี
ที่วิเวก เหมือนที่นี่ ไม่มีเลย

ดัดแปลงจาก กลอน ของท่าน
วานิช จรุงกิจอนันต์
ใน สตรีสาร นานจนจำไม่ได้
ด้วยจิตนอบน้อม

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันฉันไร้ความคิด

... หากวันใด ฉันไร้ ซึ่งความคิด
จะมีมิตร ใดมา พาฉันอยู่
สังขารฉัน นั้นไร้ สติดู
คงพาสู่ สิ่งสรร อันตราย
... ยังคงลม หายใจ ให้ชีวิต
แต่ความคิด ของฉัน นั้นสูญหาย
ไร้ถูกชั่ว ดีงาม ไร้ต้นปลาย
อยู่แค่หาย ใจได้ ไปวันวัน
... สูญสิ่งจำ นำกลับ มาไม่ได้
คนที่อยู่ ยังให้ ความหมายฉัน
คนค้นคน ค้นได้ สิ่งใดกัน
แต่ตัวฉัน ไม่มี ความหมายใด
... ก็ขีวิต เช่นนี้ เป็นเช่นนั้น
มิใช่ฝัน ที่คน จะค้นได้
คนคนหนึ่ง มีที่ จะเป็นไป
ด้วยปัจจัย เจาะจง ตรงต่อกรรม
... กรรมที่ทำ นำสิ่ง ส่งสู่ผล
เหตุที่ดี จึงดล ผลดีนำ
แม้นมีเหตุ ร้ายดี ที่เราทำ
พึงจดจำ ช้าเร็ว ตอบแทนเธอ
... ดีหรือชั่ว ตัวตน บนความคิด
คนมีจิต คิดวัด อยู่เสมอ
สิ่งที่วัด ก็ใช่ จะเลิศเลอ
เมื่อละเมอ แล้วจะรู้ เรื่องอะไร
... ก็บำรุง รักษา กันไปก่อน
ไม่เดือดร้อน เพราะรู้ ซ่อมไม่ได้
รู้ตัวตน บนทาง ที่ทำไป
หวังเพียงให้ คนไม่รู้ อยู่สบาย
... ขอนอบน้อม แด่เธอ ผู้เสียสละ
เธอผู้จะ สละสู้ สู่ความหมาย
เธอผู้อยู่ กับเขา โดยเปล่าดาย
ความจำหาย หากรัก อยู่นิรันดร์

แด่เธอทุกคนที่ดูแลผู้ป่วยไร้ความทรงจำ
โดยไม่คิดอะไร
ด้วยจิตนอบน้อม
ทิพย์ พัชน์ศรี
แต่งจากแรงบันดาลใจ จากรายการ
คนค้นคน : อัลไซเมอร์
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ทุกข์ และ สุข ของเรา

...ปราภนา ให้ทุกคน ได้มีสุข
ส่วนตัวฉัน นั้นทุกข์ ไม่เป็นไร
เพราะชีวิต ฉันนั้น ตั้งใจไว้
อยู่เพื่อให้ ทุกคน ได้มีสุข
...เมื่อได้มี ชีวิต วิบากพบ
เกิดมาเพื่อ พบกับ ตำหรับทุกข์
เพียรสร้างยิ้ม แย้มหวัง พลังสุข
ขจัดทุกข์ ไปจากใน หัวใจเรา
...เพียรเพื่อคน หมู่มาก ได้จากทุกข์
ให้เขาสุข พ้นทุกข์ พ้นจากเศร้า
ทุ่มหัวใจ ตัวตน คนอย่างเรา
ทำเพื่อเขา พ้นเศร้า สู่สุขเอย
..... ด้วยจิตนอบน้อม
...( ขอบคุณ ท่านวิจิตร สุทธพินทุ
ผู้บอกว่า กลอนต้องลงท้ายด้วยเอย )

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชีวิตหลังเกษียณที่พอเพียง

มีคำถามที่น่าคิดเข้ามาให้ตอบ คือ หลังเกษียณจะทำอะไร ต้องส่งให้ลูกถึงฝั่งฝันเรียนให้จบ(ฝันของ ลูก เมีย หรือของเรา) ยังต้องการ"เงิน" อีกจำนวนหนึ่ง คำตอบที่บอกไปคือยังมีศักยภาพที่จะเป็นวิทยากร นำเสนอเรื่องราวจากประสบการณ์ให้แก่น้องๆ รุ่นหลังได้อีกนาน ตอบอย่างทันทีทันควัน ทั้งๆ ที่ใจที่ตอบตัวเองนานแล้วว่าเราจะหยุดทางโลกเมื่อโลกย์ให้เราทำได้แค่ไหนก็จงทำไปแค่นั้น
มีหลักการอันหนึ่งที่นำไปใช้ได้ทุกกรณี คือ กฏแห่งความพยายามน้อย ไม่ต้องใช้แรงมากเมื่อถึงเวลา เบื้องหลังหลักการนี้คือการลงทุนลงแรงมาก่อน ประสบความยากลำบากมาก่อน อดทน พยายาม มาก่อนจึงมีกำลังเมื่อต้องประสบกับสิ่งยาก ไม่ต้องออกแรงมาก เพราะสิ่งที่เจอในวันนี้นี่คือสิ่งที่เตรียมพร้อมที่จะเจอมาแล้ว กฏแห่งความพยายามน้อย จึงดำเนินไปบนความคุ้นชินโดยไม่ต้องพยายาม
มีน้องคนหนึ่งนำกฏแห่งความพยายามน้อยไปเชื่อมโยงกับกิจกรรมพัฒนาคุณภาพงาน คือ ให้ความเห็นว่า การทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพงานคือการใช้กฎแห่งความพยายามน้อย โดยผู้ทำกิจกรรมพัฒนางานของตนให้ง่ายต่อการทำ ทำให้เป็นมาตรฐาน จึงไม่ต้องพยายามมาก
ย้อนกลับมาถึงการสนทนาที่ตอบไปทันที เหมือนไม่ได้มีการไตร่ตรองแต่มีการปั้นแต่ง มนุษย์เราจะมีฉากหน้าและเบื้องหลังที่เป็นสิ่งที่เป็นมา เป็นอยู่ และเป็นไป เมื่อมีความกลัว กลัวเสียหน้า กลัวเสียเพื่อน กลัวไม่มีใครคบค้าสมาคม กลัวไปทุกอย่าง เราจะไม่ได้สื่อสารสิ่งที่มีอยู่ออกไปได้เหมือนอย่างที่มุ่งหวังไว้ เราตกแต่ง เราสื่อเพื่อให้ดูดี และอื่นๆ ตามที่ความกลัวพาเราไป
ชีวิตในสังคมเป็นสิ่งที่ถูกตกแต่ง ตกแต่งจากใจคนที่อยู่ในสังคม โดยมีความคาดหวังของตน คนอื่นรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมนำไป บางครั้งเราไม่ต้องการแต่ไม่อาจหักห้ามสิ่งครอบงำใจ(กิเลศ ตัณหา ราคะ)ได้
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องทำหลังเกษียณจริงๆ (เป็นเพียงความคิด) วางแผนไว้ให้อยู่ได้อย่างพอเพียงตามพระราชดำรัสซึ่งมีองค์ประกอบใหญ่คือ ความพอเพียงด้วยความรู้คู่คุณธรรม ทางเลือกมีไม่มากนักสำหรับภาวะจิตและภาวะกาย ต้องรู้ภาวะจิตของตน ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าที่มี ไม่สะสม ปรารถนาให้ลูกได้เรียนจบ ภรรยาได้มีความสุขในช่วงท้ายของชีวิต และตนเองได้ทำภาระที่ต้องทำในชาติปัจจุบันให้จบพร้อมทั้งสั่งสมบุญเพื่อชีวิตหลังความตาย ภาวะกาย กำลังในช่วงหลัง ๖๐ ปี คือ ภาวะของความเสื่อม กำลังถดถอย โรครุมเร้า ต้องรักษาสุขภาพไม่ให้เป็นภาระ ทางเหนือบอกว่าอยู่ในภาวะ "ไอเหมือนฝานโบก" ด้วยภาวะจิตดั่งนี้และภาวะกายดั่งนี้ ทางเลือกมีไม่มากนัก
จะกลับไปทำอาชีพเหมือนเมื่อเริ่มต้นทำงาน เป็นช่างสำรวจ คงไม่มีความรู้และกำลังพอ จะทำธุรกิจที่ปรึกษาก็ห่างมาเป็นเวลานับสิบปี จะลงทุนเล่นหุ้นต้นทุนมีไม่มากพอจะหมุนและเสี่ยง จะให้เริ่มงานขายตรง คงยากเพราะไม่ได้สั่งสมมาทางด้านนี้ จะให้เป็นวิทยากรคงได้แต่ในด้านที่ถนัดซึ่งตลาดไม่โตและมีผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากทั้งในขณะที่ทำงานไม่ได้หวังค่าตอบแทนจากการเป็นวิทยากรมาก่อน ทำเพียงเพื่อตอบแทนบุณคุณหน่วยงานด้วยประสบการณ์ที่มี ก็เท่านั้น
คงต้องย้อนกลับมาที่หลักการ ทำสิ่งที่ชอบให้ดีแล้วผลต่างๆ ย่อมตามมาเอง ชอบทำงานด้วยมือ ชอบคิดสร้างสรรค ชอบช่วยเหลือคนอื่น ชอบค้นคว้าวิจัย ชอบทำในสิ่งท้าทาย คงต้องหาจุดที่ชอบที่สุดและทำบ่อยๆ มาเป็นจุดเริ่ม
คงไม่ได้หวังว่าจะมีคำตอบที่ดีในวันนี้ เพืยงแต่คิดไว้บ้างก็ดีนะ เท่านั้นเอง
ด้วยจิตนอบน้อม

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

มายาคติ

วันเวลาที่ผ่านมา มายาคติครอบงำ ให้น้องตรวจสอบเที่ยวบินเพื่อจะเดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่นโดยระบุว่าต้องการไปตอนเย็นประมาณ ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป น้องบอกไม่มีเที่ยวบินตอนเย็นสำหรับการบินไทย เธอหวังดีหาเที่ยวบินจากสายการบินนกแอร์มาให้ แต่การซื้อบัตรโดยสารโดยวิธีปกติเป็นไปไม่ได้ ผมต้องไปดำเนินการด้วยตัวเอง
ผมไปที่เอเยนต์ที่ออกบัตรโดยสารระบุว่าต้องการไปขอนแก่นโดยนกแอร์ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีจังหวัดขอนแก่นมีเพียงสายการบินไทยเท่านนั้น ผมตรวจสอบกลับและพบว่าน้องค้นสายการบินไปจังหวัดอุบลมาให้ ผมหันกลับมาหาเจ้าหน้าที่ที่ออกบัตรและขอโทษเขา แล้วด้วยความยึดติดว่าเที่ยวบินการบินไทยไม่มีไปยังจังหวัดขอนแก่น ผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรโดยสารไปลงยังจังหวัดอุดรแทน (ระยะทางจากจังหวัดอุดรไปยังอำเภออุบลรัตน์มากกว่าจังหวัดขอนแก่นไปยังอำเถออุบลรัตน์ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร) หลังจากได้บัตรโดยสารแล้วมีความภาคภูมิใจมากว่าตนเองสามรถแก้ปัญหาได้ แต่เมื่อพบกับเพื่อนทราบว่าเที่ยวบินไปจังหวัดอุบลไม่มี แต่เที่ยวบินไปจังหวัดขอนแก่นมี
ผมพบว่าตอนแรกผมเห็นว่าน้องอยู่ในมายาคติค้นหาเที่ยวบินผิดเพราะเข้าใจว่าผมจะไปจังหวัดอุบลราชธานีซึ่่งมีกำหนดในสัปดาห์ถัดไป แต่ผมยังพบเพิ่มเติมว่าผมก็อยู่ในมายาคติต่อเนื่องเพราะเข้าใจว่าเที่ยวบินไปจังหวัดขอนแก่นไม่มี ผมพยายามแก้ปัญหาโดยไม่ได้มีสติกับความเป็นจริง ไม่หยุดตนเองกลับมาหาข้อมูลปัจจุบันให้รอบคอบ การตัดสินใจจึงไม่สนองต่อความต้องการที่แท้จริง แม้จะผ่านไปได้แต่ทรัพยากรต้องเสียเพิ่มจากความไม่รอบคอบของตน นี่เป็นเรื่องที่เล็กแต่ในบางเรื่องที่ใหญ่ล่ะ มายาคติที่รุนแรงกว่า ไม่อยูกับปัจจุบันย่อมสร้างความเสียหายให้แก่โลกได้เป็นอเนกอนันต์
มายาคติยังไม่หมดแค่นั้น ผมมาจังหวัดขอนแก่นโดยลืมสายสำหรับชาร์ทแบตเตอรีเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ดบุคมาด้วย ย้อนกลับไปคิดถึงตอนจะออกจากห้องขณะเก็บของและจะออกจากห้องพักที่นนทบุรีนั้น มีโทรศัพท์จากหัวหน้ามาแจ้งข่าวสารและมอบหมายงานสำคัญให้ ผมเก็บของทั้งหมดแล้วออกมา แวบแรกมายาคติบอกตนเองว่าเป็นเพราะหัวหน้า แต่เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วเป็นเพราะขาดสติและมายาคติที่ว่าเราไม่เคยลืมอะไร เรารอบคอบตลอดมาเป็นกำลังสำคัญให้ขาดการทบทวน
ผมเป็นวิทยากรได้นำเสนอแก่ผู้อื่นอยู่เสมอว่า ก่อนที่เราจะทำอะไร โปรดเว้นวรรค สงบจิต ตั้่งสมาธิ ในชีวิตจริงทำได้เมื่อมีสติกำกับเท่านั้น นับครั้งได้ที่หลุดจากการควบคุม ผมได้แต่พยายาม พยายาม พยายาม ต่อไป ผลของความพยายามนั้นอยู่ที่มายาคติแสดงผลของมันได้น้อยลง
ด้วยจิตนอบน้อม