วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ขายบ้าน 256 หมู่ 16 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง

ขายบ้าน เลขที่ 256 และ 256/1 หมู่ที่ 16 ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปาง เข้าทางข้างโรงเรียนปงวัง ห่างถนนใหญ่ประมาณ 7-800 เมตร


เป็นบ้านไม้ยกพื้น สองห้องนอน สองห้องน้ำ มีโรงรถจอดรถได้สองคัน มีบ้านแฝด สามหลัง หกห้อง ทำเป็นหอพักได้

มีต้นไม้เกือบเต็มบริเวณบ้าน
ที่ดินไม่ติดภาระใด
ขาย 3,500,000 บาท(สามล้านห้าแสนบาทถ้วน)
ภาพโฉนด

ต่อรองกับเจ้าของ ไม่รับผ่านนายหน้า ออกค่าโอนให้
ติดต่อ ทาง Email : toodtooster@gmail.com
ดูภาพทาง googlemap ตามพิกัด 18.359597,99.585485
ภาพถ่าย
หน้าบ้าน มีที่จอดรถได้ 2 คัน
ข้างบ้าน


ด้านหน้าติดถนนลาดยางสายหลัก


ประตูด้านหอพักมีรั้วกันแยกจากบ้าน
รั้วกั้นบ้านกับหอพัก มีประตูเปิดผ่านได้

รูปบ้านแฝด ที่ทำเป็นหอพักได้


หอถังน้ำ สองพันลิตร สูง หก เมตร

ห้องเก็บของและศาลา


สระน้ำด้านหลัง และรั้วรอบ
บริเวณโดยรอบ





ภาพถ่ายปัจจุบัน เมื่อ 18 มิถุนายน 2558
ภายนอก
ด้านข้างและหลัง
ระเบียงหน้าบ้าน






บริเวณบ้านแฝด

ภายใน















วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ

วันนี้ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นตามปกติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีหลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการดับไป "ความตาย"
เด็กอายุ ๑๕ ฆ่าตัวตาย หลังจากครูอายุ ๕๘ ฆ่าตัวตาย เหตุเกิดที่จังหวัดลำปาง พลทหารเกณฑ์ฆ่าตัวตายหลังกราดยิงผู้บังคับบัญชา เสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บสาหัส ๕ คน ที่จังหวัดนาราธิวาส ดินถล่มที่อำเภอน้ำปาด ทำให้มีคนสูญหาย ๗ คน วันนี้พบแล้ว ๖ คน ที่เสียชีวิต อีกหนึ่งคนยังไม่พบ ในและนอกประเทศน้ำท่วมหลายแห่ง ปากีสถานมีคนเสียชีวิตแล้ว ๒๐๐ คน (ในปีที่ผ่านมา ๒,๐๐๐ คน) ยังไม่ได้บันทึกความตายจากการก่อการร้าย คนตายตามธรรมชาติและอีกหลายอย่าง แค่นี้ก็พอให้ได้ศึกษานะครับ
อะไรเกิดที่เกิดขึ้นนี้เราได้เรียนรู้อะไร ในส่วนของผมนั้น เรียนรู้บางสิ่งนะครับ
เหตุการณ์แรก และเหตุการณ์ที่สอง เกิดจากการตัดสินใจที่จะจบสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองกระทำด้วยตนเองสมัครใจที่จะทำ
เหตุการณ์ที่สาม และเหตุการณ์ที่สี่ เกิดจากธรรมชาติภายนอกถูกกระทำโดยไม่สมัครใจให้เป็น
เราอาจมีความเห็นต่างๆ ในเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ลองเรียนรู้ร่วมกันโดยผมนำเสนอทัศนะการเรียนรู้ของผมนะครับ
ในสองเหตุการณ์แรก ผมเรียนรู้ว่า คนเรานั้นอยู่กับสังคม ฟัง รับรู้ สนองตอบ ด้วยทีท่าจากสังคมต่อตน การฆ่าตัวตายเป็นทั้งหมด ฟัง รับรู้ ตอบสนองสิ่งที่สังคมทำต่อตน ผมเรียนรู้ว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะสังคม สังคมไม่มีที่ให้เขาหยัดยืน ไม่เข้าใจความแตกต่างที่เขาทำ สังคมนั้นกำจัดเขาออกไป เขาฟัง รับรู้ แล้วสนองตอบตามที่สังคมต้องการ
ในสองเหตุการณ์ถัดมา ผมเรียนรู้ว่า ความตายโดยไม่สมัครใจ เกิดขึ้นได้ในทุกเวลาที่ความตายต้องการ ธรรมชาติกระทำตามที่บางท่านว่าธรรมะจัดสรร ผมเรียนรู้ที่จะไม่กล่าวโทษธรรมชาติ ไม่กล่าวโทษมนุษย์ในธรรมชาติว่าเป็นผู้กระทำแล้วธรรมชาติเอาคืน ช่างไร้ความคิด ความรู้สึกและสัมผัส ถ้าไปทำความเห็นเช่นนั้น
ผมเรียนรู้ต่อมาว่า ทั้งสี่เหตุการณ์ที่ยกมานั้นจบลงที่ความตาย
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
เมื่อคนท้อแท้ ทำใจให้เข้มแข็งไม่ได้ คนจะไปจากสถานการณ์นั้น ด้วยทางเลือกที่ต้องการยุติ จบ สิ่งที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะทำใจให้เข้มแข็งที่จะรับสถานการณ์นั้้นไม่ได้
เขาใช้อาวุธที่เป็นของมนุษย์ ความกล้า กล้าที่จะจบทุกอย่างด้วยตนเอง และผู้คนอีกมากมายมองว่าเขากลัวและหลีกหนี
ผู้คนที่ทำร้ายเขาด้วยกฎเกณฑ์แห่งความดี ไม่ให้ที่หยัดยืนแก่เขา เยาะเย้ยและเหยียดหยัน ให้เขาจบสถานการณ์ด้วยความดีของตน ของสังคมที่มนุษย์ให้คุณค่า คุณค่าแห่งความดีที่มนุษย์นำมาทำร้ายกัน
เราประกาศตนว่าเป็นเมืองพุทธ แต่เราไม่เคยนำคำสอนของพระพุทธองค์มาเป็นทางดำเนินชีวิต เรานำคำสอนของพระพุทธองค์ ความจริงทั้่งมวล มาทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ด้วยการกล่าวหา กล่าวโทษ ไม่ให้อภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เราไม่อยูกับพระพุทธองค์เพราะท่านอยู่กับความจริง ความจริงที่เกื้อกูลสรรพสิ่ง ความจริงที่มีแต่เมตตา ด้วยเข้าถึงจิตใจของทุกสรรพสัตว์
ความตายโดยธรรมชาติทำให้เรานำมาทำกฏเกณฑ์ ควบคุม(Control) แล้วสั่งการ(Command) ตรวจวัด(Measure) ติดตาม(Monitor) ใส่คำต่างประเทศเพราะมาจากนอกและดูเหมือนจะดี 555
เราลืมกฏข้อแรกของไตรลักษณ์ นะครับ อนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้นอกจากสมมุติคือความไม่เที่ยงแท้ เราต้องการให้มันคงอยู่โดยไม่เข้าใจกฏของการคงอยู่ การคงอยู่คือการสืบต่อ สันคติ สิ่งหนึ่งดับไปแต่มีสิ่งที่มาสืบต่อทำให้ดู เห็น รู้สึก สัมผัส ว่ายังสืบต่อ แต่ความจริงนั้นสิ่งแรกดับไปแล้ว (เช่น เปลียวเทียน แสงที่เห็นนั้นคือ สันคติ เป็นความสืบต่อไม่ใช่แสงแรกที่เห็นแสงแรกนั้นดับไปนานแล้ว)
ย้อนกลับมาที่ประเด็นการเรียนรู้ของผม
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
ผมเรียนรู้ว่า สรรพสิ่งจบไปด้วยตัวของสรรพสิ่งแล้ว ความตายจบลงแล้วทุกสิ่ง แต่อย่าลืมกฏของการเกิดขึ้น ตั้่งอยู่ ดับไป สิ่งนี้ เป็น วัฏฏะ หมุนวน เหมือนกับจักรวาลนี้ โลกที่เล็กในจักรวาลอยู่ใน ภายใต้ สิ่งที่หมุนวนนี้(ไปดูจักรวาล หลุมดำ หยินหยาง ฯลฯ)
ผมเรียนรู้ต่อมาว่าเมื่อจบสิ้นหนึ่งอย่างแล้วนั้น อีกหนึ่งอย่างจะเกิดขึ้น ดังนั้นความตายไม่ได้ยุติสรรพสิ่ง เพียงแต่ยุติสิ่งหนึ่งเพื่อเกิดอีกสิ่งหนึ่งขึ้น ตามกฏของวัฏฏะ หมุนวน และเป็นเช่นนั้นเอง
ขอนอบน้อมต่อสี่เหตุการณ์ที่นำมากล่าวอ้าง ด้วยจิตที่เคารพสรรพสิ่งที่เป็นครูให้ผมได้เรียนรู้
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่วงโรย

ขายไม่ออกจ๊ะ

ผมสงสัยมาตั้งนานแล้วว่า ทำไมซาตานไม่จ่ายสำหรับวิญญานผม ทั้งๆ ที่ผมอยากขายวิญญานให้ซาตาน ผมเพิ่งคิดได้ว่าซาตานไม่มีวันจ่ายสำหรับวิญญานที่เป็นของซาตานแล้ว
ผมคือทาสของซาตานมานานแล้ว 555

เป็นทาสที่ร่ำร้อง เรียกหา โหยไห้ ใบ้บอด กอดทุกข์ เพราะไม่ได้ ดูจิต 555

ผมขายสิ่งที่เป็นของผมไม่ได้ ตอนแรกผมไม่เข้าใจ ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ ขายไม่ได้เพราะมันไม่ใช่ของผม
ผมมีความสุขไม่ได้เพราะผมกอดกับทุกข์แล้วคิดว่ามันเป็นของผม ถ้าผมไม่ปล่อยทุกข์ผมก็ต้องกอดมันไว้ สุขก็ไม่สนใจจะเข้ามาหาผม

ผมชอบทำตลก I started a joke. ตัวตลกที่ไม่ร้องร้ำไห้ Joke ที่เตือนตนเอง Joke ทีเตือนผู้คน Joke ที่เป็นตำนาน ตำนาน Joke
ผมคิดว่าซาตานคงจะไม่นับผมเป็นพวก จาก Joke ที่ผมทำ แต่ซาตานยังคงไม่ซื้อวิญญานผมอยู่ดี เพราะผมเป็นของซาตานโดยไม่ต้องซื้อขาย
ไม่เป็นไร ผมยังคงใช้ความกลัวทำให้ผมดำรงอยู่ ความกลัวที่เป็นอาวุธของซาตาน
ผมไม่ต่อต้านด้วยอาวุธของพระเจ้าคือความรัก และผมไม่ต่อสู้ด้วยอาวุธของพระพุทธเจ้าคือความจริง แต่ผมจะต่อสู้ด้วยอาวุธของมนุษย์คือความกล้า
กล้าที่จะกลัว กลัวความจริงจะเผยว่าในความรักนั้นมีตัวตนอยู่ ตัวตนที่เป็นต้นเหตุของความกลัว ความรัก ความจริงและความกล้า
กล้าที่จะรัก ว่ารักในสิ่งที่เป็นความจริงและเปิดเผยตัวตนว่าผมกลัว
กล้าที่จะจริง กับความรักและความกลัวซึ่งอยู่คู่โลกมานานแล้ว สุดท้าย
กล้าที่จะกล้า แม้จะกลัว แต่ก็รักในความจริง
ผมขอใช้อาวุธทุกสิ่งของ พระเจ้า พระพุทธเจ้า ซาตาน และ ความเป็นมนุษย์ของผมเพื่อดำรงอยู่
ผมจะไม่ขายวิญญานให้ซาตานเพราะขายไม่ได้

คำถาม ผมขายให้คุณได้ไหม

ด้วยราคาที่ผมต้องรับผิดชอบในโลกนี้ และทั้งหมดที่ผ่านมา

ซาตานยังสนใจไหม ผมสนใจที่จะขายอยู่ หรือใครจะประมูลแข่งกับซาตาน ลองเสนอมานะครับ
ซาตานอาจไม่ซื้อ และประท้วงว่าผมเป็นของซาตานแล้ว ผมการันตีครับ ว่ายังขายได้ ซาตานไม่ขัดขวาง เพราะยังต้องมาประมูลนะ ผมกล้าพอที่จะทำครับ

หรือซาตานท้วงต้องภายในกำหนดนะครับ ไม่งั้นการประท้วงเป็นโมฆะครับ

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ความพยายามของครูเพื่อศิษย์และองค์กร

ความพยายามบางอย่างกระทบกระเทือนสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา แม้เราจะต้องการพ้นไปจากตัวตน แต่ความเป็นสังคมยังคงใ้ห้เราต้องดิ้นรนอย่างมาก
ดิ้นรนเพื่อให้ภาระของเราได้บรรลุ ผมเห็นความพยายาม ดูความเป็นไป และต้องการสนองตอบต่อทุกความต้องการ
โปรดอ่านอย่างมีวิจารณญาน นะครับ
มีความเห็นโปรดแสดงโดยพลันครับ

ตุ๊ดตู่ ร่วงโรย

From: Siriwatana Kengdham
Sent: อ. 6/9/2554 21:16
To: Sakun Pitikraisorn; Samnao Jumpook; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai; Surasak Supavititpatana; Srivan Vigayatipat; Kitti Tancharoen
Cc: Jitdee Praditngam
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้สำหรับผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป รุ่นที่ 4/54

เรียน อิ่ง ซ้อเจ็ด

เรื่องราวนี้มีสามประเด็นด้วยกันซึ่งต้องแยกกันพิจารณา ดังนี้

ข้อแรก เป็นเรื่องขององค์กร

ผมมึความเห็นต่างคือเป็นภาระของ กฟผ. ที่จะทำอย่างนั้น แม้จะรู้ว่ามีข้อจำกัด หากเราเป็นเช่นนี้ เท่ากับยอมรับว่าไม่มีการส่งเสริมจากหน่วยงานแต่ เราต้องการส่งเสริมกันเอง โดยหน่วยงานไม่รับรู้

ความเห็น พอ-ฟ.

ซึ่ง ในการทำเสื่อนี้ พอ-ฟ. จะทำดังนี้ โดยจะนำไปมอบให้ทุก คพร-ชฟx.เพื่อเชิญ ชฟx.เป็นผู้มอบและสวมให้ ในโอกาสที่เหมาะสม

ความเห็นเพิ่มของผม

ดูเป็นการประชดประชันผู้บริหารมากเกินไป และไม่เป็นการให้เกียรติแก่ผู้รับวิทยากรของเรา

แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลังความเห็น

สิ่งนี้คือเกียรติ เป็นสิ่งที่ภายนอกที่ผู้ให้อยู่ภายนอกตัวเรา เป็นสิ่งที่สังคมได้ให้คุณค่าและความหมาย เราไม่ควรให้ใคร ที่ไม่คิดจะมอบเกียรตินั้น ได้มอบสิ่งที่เราจัดหาให้กับใคร เราควรทำให้เขา(ผู้มอบ สังคม) ได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่าเขาควรให้เกียรตินี้กับผู้ที่บำเพ็ญเพียรทำคุณงามความดีให้กับองค์กร การที่องค์กรจะตระหนักอย่างแท้จริงนั้นต้องเป็นการสร้างวัฒนธรรมแห่งการชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นการมอบนั้นจะสร้างความริษยาที่เป็นชนวนแห่งความแตกแยก แก่งแย่ง ซึ่งฝังรากลึกในสังคมนี้มาเนิ่นนาน

ข้อที่สองเป็นเรื่องส่วนตัวของผม

ผมยังเห็นว่ามันกระทบกับอุดมการณ์ของผมที่ไม่ต้องการเบิกค่าสอน ด้วยเหตุผลที่ทำมาตั้งแต่ต้น "ตอบแทนบุณคุณหน่วยงาน ด้วยประสบการณ์ที่ผมมี" ไม่อยากให้เสียสิ่งที่ประสงค์ไป โปรดกรุณาอย่าโอนเงินให้ผมซึ่งไม่ต้องการ

ความเห็น พอ-ฟ.

ค่าตอบแทนวิทยากรดังไฟล์แนบนี้ กฟผ.จะโอนเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของทุกคน หลังจากนั้นจะมอบหมายให้คุณจิตรดี ขอรับโอนเงินจำนวนดังกล่าวจากทุกท่านอีกครั้งค่ะ หรือท่านใดสะดวกที่จะโอนได้เลย ขอความกรุณาประสานงานกับคุณจิตรดีด้วย จักขอบคุณยิ่งค่ะ

ความเห็นเพิ่มเติมของผม

ผมยังยืนยันแม้ในครั้งที่สอง(ทุติยัมปิ)และครั้งที่สาม(ตะติยัมปิ)ว่าโปรดกรุณาอย่าโอนเงินค่าสอนเข้าบัญชีผม ขอความกรุณาอย่างจริงจัง ผมไม่ต้องการรับอย่างแท้จริง

แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลังความเห็น

สิ่งนี้คือศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีที่เราต้องทำเอง ทำโดยยืนหยัดอยู่บนอุดมคติ (ทางไปที่สมบูรณ์) ด้วยการปฏิบัติอุดมการณ์(การกระทำที่สมบูรณ์)ของเราหุ้ถึงพร้อมทั้งความคิดและการกระทำ การยืนหยัดบนเส้นทางที่ทำได้ลำบากเพราะสิ่งรบกวนทำให้เราต้อง ละทิ้ง ลาจาก อุดมคติและอุดมการณ์ ของเราบนเส้นทางที่บีบบังคับ มันเป็นทางเลือกและเราต้องเลือก เลือกที่จะเดินไป ด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำเพื่อสร้างสิ่งที่สร้างได้ยากคือตัวตนของเรา เพื่อสนองต่อหัวใจที่เป็นนิรันดร์นี้ให้ยืนอยู่บนเวทีทุกเวทีได้อย่างมั่นใจ มั่นใจในสิ่งที่เราทุ่มเททำ

ข้อที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้ายเป็นเรื่องของผมและหน่วยงานของผมที่จะสนับสนุนกิจกรรมนี้

ผมจะยังคงหาเงินบริจาคด้วยวิธีอื่นให้ ในจำนวนเงินที่เคยสัญญาไว้คือ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่คงต้องรอเวลาบ้าง

ความเห็น พอ-ฟ.

เงินบริจาคด้วยวิธีอื่นนั้น ก็ยังเท่ากับเรายอมรับว่าไม่มีการส่งเสริมจากหน่วยงานอยู่ดีรึเปล่าคะ

เท่าที่คุยกับ ช.อผภ-ภ. ทราบว่าจะอย่างไร รวฟ.ก็ไม่ให้ ช.อผภ-ภ.จึงคิดว่าจะหาทางออกที่คณะของ กฟผ. คือ คอร-กฟผ. ให้เห็นด้วยที่จะต้องจัดทำทั้งเสื้อสามารถให้วิทยากร และเสื้อรางวัล KM ให้ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งการประชุม คอร.ครั้งหน้าคือ วันที่ 27 กย.54 แต่ถ้า คอร.ก็ยังไม่เห็นด้วย อิ่งก็จะหาทางจัดการและมอบให้ในนามของ พอ-ฟ.เองก็ได้ค่ะ และจะไม่รับงานสร้างวิทยากรให้ใครอีกแล้ว ถ้าจะให้สร้าง ก็ต้องมีเงื่อนไขกันหน่อย

ความเห็นเพิ่มเติมของผม

หน่วยงานผมไม่ได้มีผู้คนมากมายแต่เรามีกิจกรรมที่ทำให้สามารถวางแผนในการจัดหาเงินไว้ใช้ในกิจการต่างๆ ได้บ้าง โดยผมมีส่วนสำคัญในการผลักดัน สิ่งเหล่านั้นกระทำในนาม ชฟน. ผมขอเวลาในการนำเสนอเพื่อให้ ชฟน. ได้เห็นชอบซึ่งต้องการเวลาบ้าง แต่เข้าใจว่าท่านคงเห็นด้วยกับผมที่ทุ่มเทและพยายาม อุทิศตนให้กับการพัฒนา กฟผ. ของเรา คงมีเครดิตบ้างที่ท่านจะเห็นด้วยครับ

แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลังความเห็น

สิ่งนี้คือความเกื้อกูล เป็นสิ่งที่ผสานภายในและภายนอก ทั้งงานและสังคมเข้าด้วยกัน เป็นความงดงามของความเกื้อกูลที่จะ สานต่อวัฒนธรรมและสร้างวัฒนธรรม ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของ กฟผ. ผู้เป็นบุพการี (คือผู้ให้ก่อน) ความเกื้อกูลเป็นผลจากความกรุณาปราณีจะมีใครบังคับก็หาไม่ ความเกื้อกูลสร้างตำนานได้นะครับ ตำนานที่จะเล่าขานกันไปเป็นรุ่นต่อรุ่น

คงมีคำและความอีกมากมายเหมือนที่เราบอกไว้ว่า สิ่งที่เราเขียนได้(Explicit) มีน้อยกว่าสิ่งที่เราไม่ได้เขียน(Tacit) ซึ่งต้องอาศัย การสนทนา ถ่ายทอด ซักถามและไตร่ตรองกันมากกว่าที่ตัวอักษรจะบรรยายได้

ด้วยจิตนอบน้อม

ตุ๊ดตู่ ร่าเริง

(ผมกำลังจะเปลี่ยนฉายา เป็นอย่างอื่น ตามพัฒนาการครับ “ร่าเริง” น่าจะเป็น “ร่วงโรย” จะสะท้อนความจริงมากกว่านะครับ)



From: Sakun Pitikraisorn
Sent: ส. 3/9/2554 10:52
To: Siriwatana Kengdham; Samnao Jumpook; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai
Cc: Jitdee Praditngam
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้สำหรับผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป รุ่นที่ 4/54

เรียน พี่ศิริวัฒน์
เงินบริจาคด้วยวิธีอื่นนั้น ก็ยังเท่ากับเรายอมรับว่าไม่มีการส่งเสริมจากหน่วยงานอยู่ดีรึเปล่าคะ
เท่าที่คุยกับ ช.อผภ-ภ. ทราบว่าจะอย่างไร รวฟ.ก็ไม่ให้ ช.อผภ-ภ.จึงคิดว่าจะหาทางออกที่คณะของ กฟผ. คือ คอร-กฟผ. ให้เห็นด้วยที่จะต้องจัดทำทั้งเสื้อสามารถให้วิทยากร และเสื้อรางวัล KM ให้ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งการประชุม คอร.ครั้งหน้าคือ วันที่ 27 กย.54 แต่ถ้า คอร.ก็ยังไม่เห็นด้วย อิ่งก็จะหาทางจัดการและมอบให้ในนามของ พอ-ฟ.เองก็ได้ค่ะ และจะไม่รับงานสร้างวิทยากรให้ใครอีกแล้ว ถ้าจะให้สร้าง ก็ต้องมีเงื่อนไขกันหน่อย
ศากุน


From: Siriwatana Kengdham
Sent: ศ. 2/9/2554 18:05
To: Sakun Pitikraisorn; Samnao Jumpook; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai
Cc: Jitdee Praditngam
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้สำหรับผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป รุ่นที่ 4/54

เรียนทุกท่าน
ผมมึความเห็นต่างคือเป็นภาระของ กฟผ. ที่จะทำอย่างนั้น แม้จะรู้ว่ามีข้อจำกัด หากเราเป็นเช่นนี้ เท่ากับยอมรับว่าไม่มีการส่งเสริมจากหน่วยงานแต่ เราต้องการส่งเสริมกันเอง โดยหน่วยงานไม่รับรู้ นั้นเป็นประการแรก ประการต่อมา ผมยังเห็นว่ามันกระทบกับอุดมการณ์ของผมที่ไม่ต้องการเบิกค่าสอน ด้วยเหตุผลที่ทำมาตั้งแต่ต้น "ตอบแทนบุณคุณหน่วยงาน ด้วยประสบการณ์ที่ผมมี" ไม่อยากให้เสียสิ่งที่ประสงค์ไป โปรดกรุณาอย่าโอนเงินให้ผมซึ่งไม่ต้องการ ประการสุดท้ายผมจะยังคงหาเงินบริจาคด้วยวิธีอื่นให้ ในจำนวนเงินที่เคยสัญญาไว้คือ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่คงต้องรอเวลาบ้าง
หวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจผม
ขอบคุณ
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง


From: Sakun Pitikraisorn
Sent: พฤ. 1/9/2554 9:25
To: Samnao Jumpook; Siriwatana Kengdham; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai
Cc: Jitdee Praditngam; Sakun Pitikraisorn
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้สำหรับผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป รุ่นที่ 4/54

เรียน ครูเพื่อศิษย์ทุกท่าน

ตอนนี้ มีคุณครู 4 ท่าน ร่วมบริจาคแล้ว คือ ครูภัคภู, ครูสำเณาว์, ครูสีรุ้ง และศากุน รวมเป็นเงิน 10,925 บาท

ค่าตอบแทนวิทยากรดังไฟล์แนบนี้ กฟผ.จะโอนเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของทุกคน หลังจากนั้นจะมอบหมายให้คุณจิตรดี ขอรับโอนเงินจำนวนดังกล่าวจากทุกท่านอีกครั้งค่ะ หรือท่านใดสะดวกที่จะโอนได้เลย ขอความกรุณาประสานงานกับคุณจิตรดีด้วย จักขอบคุณยิ่งค่ะ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ไม่ทราบว่า คุณครูตุ๊ดตู่ มีความเห็นหรือข้อเสนอแนะอย่างไร กรุณาตอบกลับด้วย จักขอบคุณยิ่งค่ะ

ศากุน


From: Samnao Jumpook
Sent: Thursday, September 01, 2011 9:10 AM
To: Sakun Pitikraisorn
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้สำหรับผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป รุ่นที่ 4/54

เรียน อิ่ง ซ้อเจ็ด

ขอเข้าร่วมจิตอาสาด้วยครับพอดีกลับจากสิริกิติ์เห็น mail เดี๋ยวเนี่ยครับผม

เณาว์ คนเมือง


From: Sakun Pitikraisorn
Sent: อ. 30/8/2554 14:10
To: Siriwatana Kengdham; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai; Samnao Jumpook
Cc: Jitdee Praditngam; Sakun Pitikraisorn
Subject: FW: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้สำหรับผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป รุ่นที่ 4/54

เรียน ครูเพื่อศิษย์ทุกท่าน
การสอนในรุ่นที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คุณจิตรดีดำเนินการเรื่องค่าตอบแทนวิทยากรด้วย ซึ่งปกติบางท่านไม่เคยเบิก เนื่องจากมีจิตอาสาและอุดมการณ์ที่จะมุ่งมั่นทำให้แก่องค์กร โดยกลุ่มงาน พอ-ฟ.มีความชื่นชมท่านเป็นอย่างยิ่ง

แต่สำหรับรุ่น 4 นี้ พอ-ฟ.ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่าน ในการขอค่าตอบแทนที่ท่านจะได้รับนี้ ในการจัดทำเสื้อสามารถมอบให้แก่วิทยากร KM ที่ทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี แต่ยังไม่ได้รับเสื้อ รวมจำนวน 32ท่าน (ตรวจสอบเมื่อ 13 มค.54 ปัจจุบันน่าจะมีวิทยากรที่ควรจะได้รับเสื้อเพิ่มขึ้น)

เสื้อที่เคยทำราคารวมค่าปักเมื่อปี 2552 ตัวละ 350 บาท ปัจจุบันประมาณการไว้ไม่ควรเกินตัวละ 400 บาท จำนวน 32 ตัว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12800 บาท

ดังนั้น หากครูทุกท่านในรุ่นนี้ ยินดีบริจาคค่าตอบแทน ก็จะสามารถใช้ทำเสื้อได้ โดยจะนำไปมอบให้ทุก คพร-ชฟx.เพื่อเชิญ ชฟx.เป็นผู้มอบและสวมให้ ในโอกาสที่เหมาะสม เช่น งาน KM Forum ของ สาย ชฟx.เป็นต้น ซึ่งจะแจ้งให้ทุก คพร-ชฟx.ทราบด้วยว่าเสื้อเหล่านี้มีที่มาอย่างไร

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากท่านใดมีความเห็นหรือข้อเสนอแนะ กรุณาตอบกลับด้วย จักขอบคุณยิ่งค่ะ
ศากุน

-----Original Message-----
From: Jitdee Praditngam
Sent: Monday, August 29, 2011 2:41 PM
To: Sakun Pitikraisorn
Subject: ค่าสมมนาคุณวิทยากร

เรียน พอ-ฟ.

เพื่อทราบค่ะ