วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ

วันนี้ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นตามปกติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีหลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการดับไป "ความตาย"
เด็กอายุ ๑๕ ฆ่าตัวตาย หลังจากครูอายุ ๕๘ ฆ่าตัวตาย เหตุเกิดที่จังหวัดลำปาง พลทหารเกณฑ์ฆ่าตัวตายหลังกราดยิงผู้บังคับบัญชา เสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บสาหัส ๕ คน ที่จังหวัดนาราธิวาส ดินถล่มที่อำเภอน้ำปาด ทำให้มีคนสูญหาย ๗ คน วันนี้พบแล้ว ๖ คน ที่เสียชีวิต อีกหนึ่งคนยังไม่พบ ในและนอกประเทศน้ำท่วมหลายแห่ง ปากีสถานมีคนเสียชีวิตแล้ว ๒๐๐ คน (ในปีที่ผ่านมา ๒,๐๐๐ คน) ยังไม่ได้บันทึกความตายจากการก่อการร้าย คนตายตามธรรมชาติและอีกหลายอย่าง แค่นี้ก็พอให้ได้ศึกษานะครับ
อะไรเกิดที่เกิดขึ้นนี้เราได้เรียนรู้อะไร ในส่วนของผมนั้น เรียนรู้บางสิ่งนะครับ
เหตุการณ์แรก และเหตุการณ์ที่สอง เกิดจากการตัดสินใจที่จะจบสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองกระทำด้วยตนเองสมัครใจที่จะทำ
เหตุการณ์ที่สาม และเหตุการณ์ที่สี่ เกิดจากธรรมชาติภายนอกถูกกระทำโดยไม่สมัครใจให้เป็น
เราอาจมีความเห็นต่างๆ ในเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ลองเรียนรู้ร่วมกันโดยผมนำเสนอทัศนะการเรียนรู้ของผมนะครับ
ในสองเหตุการณ์แรก ผมเรียนรู้ว่า คนเรานั้นอยู่กับสังคม ฟัง รับรู้ สนองตอบ ด้วยทีท่าจากสังคมต่อตน การฆ่าตัวตายเป็นทั้งหมด ฟัง รับรู้ ตอบสนองสิ่งที่สังคมทำต่อตน ผมเรียนรู้ว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะสังคม สังคมไม่มีที่ให้เขาหยัดยืน ไม่เข้าใจความแตกต่างที่เขาทำ สังคมนั้นกำจัดเขาออกไป เขาฟัง รับรู้ แล้วสนองตอบตามที่สังคมต้องการ
ในสองเหตุการณ์ถัดมา ผมเรียนรู้ว่า ความตายโดยไม่สมัครใจ เกิดขึ้นได้ในทุกเวลาที่ความตายต้องการ ธรรมชาติกระทำตามที่บางท่านว่าธรรมะจัดสรร ผมเรียนรู้ที่จะไม่กล่าวโทษธรรมชาติ ไม่กล่าวโทษมนุษย์ในธรรมชาติว่าเป็นผู้กระทำแล้วธรรมชาติเอาคืน ช่างไร้ความคิด ความรู้สึกและสัมผัส ถ้าไปทำความเห็นเช่นนั้น
ผมเรียนรู้ต่อมาว่า ทั้งสี่เหตุการณ์ที่ยกมานั้นจบลงที่ความตาย
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
เมื่อคนท้อแท้ ทำใจให้เข้มแข็งไม่ได้ คนจะไปจากสถานการณ์นั้น ด้วยทางเลือกที่ต้องการยุติ จบ สิ่งที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะทำใจให้เข้มแข็งที่จะรับสถานการณ์นั้้นไม่ได้
เขาใช้อาวุธที่เป็นของมนุษย์ ความกล้า กล้าที่จะจบทุกอย่างด้วยตนเอง และผู้คนอีกมากมายมองว่าเขากลัวและหลีกหนี
ผู้คนที่ทำร้ายเขาด้วยกฎเกณฑ์แห่งความดี ไม่ให้ที่หยัดยืนแก่เขา เยาะเย้ยและเหยียดหยัน ให้เขาจบสถานการณ์ด้วยความดีของตน ของสังคมที่มนุษย์ให้คุณค่า คุณค่าแห่งความดีที่มนุษย์นำมาทำร้ายกัน
เราประกาศตนว่าเป็นเมืองพุทธ แต่เราไม่เคยนำคำสอนของพระพุทธองค์มาเป็นทางดำเนินชีวิต เรานำคำสอนของพระพุทธองค์ ความจริงทั้่งมวล มาทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ด้วยการกล่าวหา กล่าวโทษ ไม่ให้อภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เราไม่อยูกับพระพุทธองค์เพราะท่านอยู่กับความจริง ความจริงที่เกื้อกูลสรรพสิ่ง ความจริงที่มีแต่เมตตา ด้วยเข้าถึงจิตใจของทุกสรรพสัตว์
ความตายโดยธรรมชาติทำให้เรานำมาทำกฏเกณฑ์ ควบคุม(Control) แล้วสั่งการ(Command) ตรวจวัด(Measure) ติดตาม(Monitor) ใส่คำต่างประเทศเพราะมาจากนอกและดูเหมือนจะดี 555
เราลืมกฏข้อแรกของไตรลักษณ์ นะครับ อนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้นอกจากสมมุติคือความไม่เที่ยงแท้ เราต้องการให้มันคงอยู่โดยไม่เข้าใจกฏของการคงอยู่ การคงอยู่คือการสืบต่อ สันคติ สิ่งหนึ่งดับไปแต่มีสิ่งที่มาสืบต่อทำให้ดู เห็น รู้สึก สัมผัส ว่ายังสืบต่อ แต่ความจริงนั้นสิ่งแรกดับไปแล้ว (เช่น เปลียวเทียน แสงที่เห็นนั้นคือ สันคติ เป็นความสืบต่อไม่ใช่แสงแรกที่เห็นแสงแรกนั้นดับไปนานแล้ว)
ย้อนกลับมาที่ประเด็นการเรียนรู้ของผม
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
ผมเรียนรู้ว่า สรรพสิ่งจบไปด้วยตัวของสรรพสิ่งแล้ว ความตายจบลงแล้วทุกสิ่ง แต่อย่าลืมกฏของการเกิดขึ้น ตั้่งอยู่ ดับไป สิ่งนี้ เป็น วัฏฏะ หมุนวน เหมือนกับจักรวาลนี้ โลกที่เล็กในจักรวาลอยู่ใน ภายใต้ สิ่งที่หมุนวนนี้(ไปดูจักรวาล หลุมดำ หยินหยาง ฯลฯ)
ผมเรียนรู้ต่อมาว่าเมื่อจบสิ้นหนึ่งอย่างแล้วนั้น อีกหนึ่งอย่างจะเกิดขึ้น ดังนั้นความตายไม่ได้ยุติสรรพสิ่ง เพียงแต่ยุติสิ่งหนึ่งเพื่อเกิดอีกสิ่งหนึ่งขึ้น ตามกฏของวัฏฏะ หมุนวน และเป็นเช่นนั้นเอง
ขอนอบน้อมต่อสี่เหตุการณ์ที่นำมากล่าวอ้าง ด้วยจิตที่เคารพสรรพสิ่งที่เป็นครูให้ผมได้เรียนรู้
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่วงโรย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น