วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผ่าตัด 28 สิงหาคม 2555



(ถ่ายเมื่อ 08.00 น. วันที่ 29 ส.ค. 55)

เมื่อกรรมบรรจบเวียนมาในวันนี้ วันที่ตัองเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดใส้เลื่อน
หมอนัดมาโรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง มาถึงโรงพยาบาลวันที่ 27 สิงหาคม 2555 เวลา 16.30 น. checkin ไม่รู้เขาเรียกอย่างนี้หรือไม่ แต่ก็ได้นอนห้องพิเศษ 310 ชั้น 3 มาถึงเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว คืนนี้หลัง 24.00 น.ต้องอดอาหารและน้ำเพื่อเตรียมผ่าตัด ได้ร้านสวัสดิการในโรงพยาบาล ซื้อขนมปังใส้กรอก น้ำเต้าหู้ น้ำผลไม้ มารับประทาน แล้วนอนรอ ก่อนนอนสวดมนต์ก่อนเพื่อตื่นขึ้นมาเตรียมตัวให้ทัน
วันที่ 28 สิงหาคม 2555 เวลา 04.00 น.ตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมอาบน้ำเข้าห้องน้ำ 06.00 น. คุณพยาบาลมาทำการใส่สายน้ำเกลือและให้รอ คุณหมอลูกศิษย์มาดูแทนคุณหมอที่จะผ่า คุณภรรยามาดูตอน 08.30 น. และกลับไปเวลา 10.30 น. รอจนถึงเวลา 13.30 น.คุณพยาบาลแจ้งว่าจะมาพาไปห้องผ่าตัดแล้ว เพิ่งรู้ว่าห้องผ่าตัดนี้ เราเดินเข้าไม่ได้ต้องนอนไปและนอนออก
คุณพยาบาล คุณหมอปิดหน้าปิดตากันหมดแต่เราถอดหมด 14.00 น. คุณหมอเริ่มบล๊อกหลัง ระหว่างนั้นตัวเราต้องทำท่าคางจรดอก สองแขนกอดเข่านอนตะแคง หลังจากนั้นมีการทดสอบว่าได้ผลหรือยัง มีความรู้สึกเหมือนชาไปหมดทั้งท่อนล่าง คุณหมอเอามือปิดกั้นหน้าไม่ให้ดีท่อนล่าง เตียงผ่าตัดเหมือนไม้กางเขน ตัวเราอยู่บนเตียงที่พอดี แขนมีที่รองยื่นออกไปทั้งสองข้างวางมือไว้และมีสายรัด มีคุณหมอและพยาบาลคอยสอบถามอยู่เสมอว่าเป็นอย่างไร หายใจโล่งบ้าง หายใจขัดบ้างเป็นระยะ
เวลาประมาณ 16.00 น.คุณหมอผ่าเสร็จแล้ว คุณพยาบาลพานอนดูอาการอีกระยะหนึ่งไม่รู้สึกอะไรมากนัก 16.30 น. ย้ายกลับมาห้องพัก ท่อนล่างชาไปหมด กระดิกเท้าขวาได้ก่อนเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.

อาหารเย็นมาส่งเวลา 17.00 น. ยังทานไม่ได้เพราะลุกไม่ได้และไม่มีฟันปลอม รอจนภรรยามาถึง 19.00 น. จึงได้ทานอาหาร

ห้องพักแอร์ไม่ค่อยเย็น หงุดหงิดและโมโห พยายามดูใจตนเอง เมื่อวานเราก็ทนได้เมื่ออยู่คนเดียวและสบายดี แต่วันนี้ ไม่สบายและมีคนที่ต้องมาลำบากด้วยกับเราอีก 2 คน ทั้งแม่และลูก มีความรู้สึกแย่พยายามระงับไว้
คุณพยาบาลให้นอนราบจนกว่าจะถึง 04.00 น.ของวันที่ 29 สิงหาคม 2555

ตลอดคืนพยายาม ปัสสาวะให้ออกเพื่อไม่ต้องสวน ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น กว่าจะปัสสาวะออกตอน 05.00 นเมื่อทานน้ำไปเยอะๆ และยืนได้ พึ่งรู้ว่านอนปัสสาวะนั้นยาก
(ถ่ายตอน 19.00 น. 28 ส.ค. 55)

ตอนบันทึกนี้ 09.10 น. ทานอาหารและยาแล้ว ปวดแผลบ้างเล็กน้อย อย่างอื่นเป็นไปตามสภาวะ
มีรายละเอียดแต่ละช่วงที่เมื่อหายแล้วจะได้บันทึกการเรียนรู้ต่อไป

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กระทิงไม่เคยสิ้นหวังแม้บาดเจ็บ

เพื่อนประสบกับความป่วยไข้ สอบถามไปมา พบว่ากังวลกับลูกสาว ที่กำลังบาดเจ็บ เดาเอาว่าน่าจะมาจากอดีตและปัจจุบันที่ประจวบกันพอดี ฟังความแล้วนำชะตากำเนิดมาพิจารณา พบว่า เธอ(ลูกสาว)อยู่ในราษีพฤษภ สถิตย์ฤกษ์กฤติกา ฤกษ์ใหญ่โจโร เกิดวันศุกร์ เป็นคนเด็ดเดียว มานะไม่กลัว ไม่ถอย ไร้ญาติ ลึกซึ้งสุขุม ใจเย็น เจ้าแบบแผน รอบคอบ เก็บทรัพย์อยู่ เข้าใจเจรจาโต้ตอบ เรียนเก่ง ปากกล้า เป็นนายคน แต่อาภัพครูอาจารย์เป็นคนสอนยากในขณะเดียวกันเป็นคนมีเสน่ห์ และเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้
ช่วงนี้เธอดูจะมีพลังมาก แต่เพื่อนบอกว่าเธอดูจะซึมเศร้า ถ้าพิเคราะห์ดูแล้วจะเห็นว่า ราษีพฤษภนี้เป็นคนโดดเดี่ยว แต่พลังอันเหลือเฟือของเธอนั้นไม่น่าจะนำสู่ความซึมเศร้า ดูเรื่องปากกล้าของเธอแล้วเห็นว่าความสัมพันธ์ของเธอกับปากคนน่าจะมีปัญหา ปัญหาเกี่ยวกับการจัดวางความสัมพันธ์ของเธอกับความคิดของเธอ ด้านการคิดในความเกี่ยวข้องอันที่ดูตามพื้นดวงเธอไม่แคร์กับคนและปากของเขาเท่าไร เพียงแต่ช่วงนี้พระเกตุ มฤตยู คุมพุธและกระทบพระอาทิตย์ ความไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงมาอย่างไม่สามารถคาดเดาได้  อาจส่งผลต่อความปรวนแปรกับควาเป็นตัวเธอ ซึ่งธรรมดา เธอเป็นคนเด็ดขาด เชื่อมั่นในตัวเองสูง ตัดสินใจเร็ว มั่นคงและมักเอาแต่ใจตน ไม่กลัวใคร กล้าพูดกล้าทำ
เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมใกล้ที่สุดคือครอบครัว บ้านนี้มีเลข 8761 บ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อบ้านไม่อยู่บ้าน แม่บ้านเป็นหลักแน่น ลูกมีทั้งต่อต้านและยอมรับ คนแรกต่อต้านเพราะเหมือนกันกับพ่อมากเกินไป ตัวหลักของบ้านมั่นคงได้เพราะแม่ ดูแล้วถ้าลูกสองคนรักกันหลักจะมั่นคงมาก และพ่อจะหมดอำนาจควบคุม สิ่งที่มีชะตาคือการแบ่งแยกแล้วปกครอง นึ้คือชะตาใหญ่และเป็นไปตามโลก ผมเข้าใจว่ามันเป็นชะตากรรม แต่มองอีกด้านหนึ่งคือ พ่อบ้านรู้ชะตานี้และวางแผนทำอย่างมีสติด้วยความปรารถนาดีดำเนินไป แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือบั้นปลายลูกทั้งสองจะรักกันรวมกันและความเป็นปกติสุขจะมาถึง ความเป็นธรรมดาของครอบครัวคือสามัคคีบนพื้นฐานความรักครับ
ดูชะตาจากดวงดาวแล้วสถิติช่วยได้นะครับ
ผมแนะนำเพื่อนไปว่า
เมื่อเธอ(ลูกสาว) เป็นคนโดดเดี่ยวสิ่งที่ควรทำคือทำให้เธอเป็นมิตรกับตัวเอง
เธอมีภาวะผู้นำสูงจนไม่อาจรับใครได้(ไร้อาจารย์)ต้องเรียนเองจากตนเอง ชะตาเธอเป็นผู้ปกครองไม่ใช่ผู้ใต้ปกครอง จากลิขิตนี้เธอจึงมานะและอดทน ฝึกฝนตน จากเหตุนี้ผมแนะนำให้ เธอ มีความรักให้กับสรรพสิ่ง พอใจในสิ่งที่ได้รับ และไม่คิดเป็นเอกในโลกไม่ต้องชนะใครชนะตนเองก็เพียงพอแล้ว ตรงนี้มีข้อสังเกตุว่า เธอสอนยากต้องมีครูที่ไม่อยากเป็นครูของเธอ เป็นเพียงผู้ท้าทาย ทำให้เห็นเป็นให้ดู เพราะตลอดชีวิตเธอเรียนรู้เองด้วยวิธีนี้ เรียนรู้อย่างว้าเหว่ เดียวดายไร้ครู ไร้มิตร มีแต่ศิษย์ที่รอเธอสอนต่อไป
ผมมีคำแนะนำสำหรับกระทิง(กระทิงคือ เธอ:แต่ไม่รู้ว่าจะทนฟังจนจบหรือไม่ เพราะมันต้องฝืน ต้องสละความเป็นกระทิง เพื่อไปสู่ความเป็น อะรูมิไร้ = อะไรไม่รู้) ข้อแนะนำสำหรับลูกสาวของสองกระทิงคือ นอบน้อม ยอมรับ อดทน เมตตา เข้าใจ ถ้ามองเป็นวงจร เริ่มจากตรงใดก็ได้เมื่อพร้อม เช่น เข้าใจ นอบน้อม ยอมรับ อดทน เมตตา(อันนี้สองกระทิง พ่อ แม่ ก็นำไปใช้ได้นะครับ)
ขอเสนออีกประการคือ สรรพสิ่งไม่เคยโหดร้าย มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ความกลัวพาให้โหดร้าย เพราะความกลัวเขาทำร้ายจึงทำร้ายเขาก่อน ดังนั้นโปรดอย่ากลัวมันเป็นไปตามที่มันควรเป็นเช่นนี้เอง
ขอทำความเข้าใจบางประการคือ การทำร้ายกาย กายทนไม่ได้ก็แตกดับสูญไป เพราะไม่อาจยึดถือกายได้ แตกดับไปหากายใหม่ได้ กายใหม่มาจากใจที่แสวงหา กล่าวคือ ใจเป็นใหญ่เป็นผู้นำทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ ดังนั้นการทำร้ายใจ ใจทนไม่ได้ก็ต้องรับรู้ไป ถ้าใจรู้เท่าทันไม่รู้สึกประการใด ก็พ้นจากบ่วงไป ใจไม่มีสิ่งที่ทำลายใจได้ ใจเป็นพลังงานรับรู้รับทราบ และเป็นนิรันดร์คงอยู่รับรู้เพียงแต่ความคิด(สมอง)เราเข้าไม่ถึงจึงบิดเบือน คิดว่าทำร้ายกายแล้วจะจบเรื่องใจได้ ใจไม่ไปไหนอยู่กับเราที่ยึดถือนั่นเอง ทำลายกายใจไม่แตกสลายไปนะครับ
วัฏฏะหมุนเวียนเช่นนี้นะครับ เราจึงเกิดมาและทุกข์ต่อไปจนกว่าเราจะเรียนรู้
วกวนมานานอยากจะแนะนำดังนี้ครับ
1. เข้าใจเธอ ว่าเธอคือกระทิงที่บาดเจ็บ แต่ผมยังไม่เคยเห็นกระทิงที่สิ้นหวังครับ
2. อดทน เมตตาและไม่สอนครับ อันนี้ทำมานานแล้ว แต่ต้องพาไปดู ดูสิ่งที่ไม่ใช่ความคิด ดูประสบการณ์ของเพื่อน เล่าที่ประสบมาให้เธอฟัง ด้วยความจริง  ความงาม ความดี เธอจะเรียนรูู้เอง (เธอเก่ง ฉลาด(คิด) แต่ขาดประสบการณ์)
3. รอคอย ทำทุกอย่างที่ควรทำแล้วรอคอยนะครับ เหมือนเรา Apply ไปตามที่เขาต้องการและรอคำตอบนั่นแหละครับ รอคอย ไม่ต้องกระวนกระวายจงเชื่อมั่น
4. มธุรสวาจา กรุณา เชื่อในวิถีที่จะมาถึง มีกำลังใจ และให้กำลังใจ
5. อยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่ตัดสิน ไม่สงสัย ไม่กลัว ออกจากตัวตน(ละทิ้งอัตตา) ไม่กังวลกับคนอื่น ไม่ย้อนกลับไปในอดีต ไม่คาดหวังในอนาคต
6. เชื่อผมโดยทำทุกประการข้างต้นแล้วนะครับ ผมเชื่อดังนี้

กระทิงไม่เคยสิ้นหวังแม้บาดเจ็บ

ด้วยจิตนอบน้อม

ตุ๊ดตู่ ร่าเริง